พู่กันเข้ามาในวันที่ลมเงียบ ใบไม้สงบนิ่งเหมือนรอคอยการมาถึงของพายุ เธอเดินเข้ามาทำลายความนิ่งงันของเวลาก่อนหน้านั้น และการเคลื่อนไหวของเธอ ทำให้นักเย็บสมุดวางมือจากสิ่งที่ทำเพื่อให้ผ่านเวลา มาสนทนากับเธอ
เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วนะ ที่นักเย็บสมุดไม่ได้เห็นแววตาแบบนี้ แววตาที่เป็นประกายแต่ก็ดูจะเข้าใจโลก แววตาที่มุ่งมั่นแต่ก็เต็มไปด้วยจินตนาการ แววตาที่สบกับเขาได้อย่างไม่ประหม่า และช่างฝัน เขาสบตาเธอเหมือนสบตาตัวเองในกระจก หลายๆ บทสนทนาที่ผ่านไป เขาคล้ายอยากให้มีใครมาคุยด้วยแบบนี้ หากเป็นหลายปีก่อน
“พู่กัน เธอย่อมระบายฝันชีวิต ได้ตามปรารถนา” หนึ่งข้อความที่ผุดซึมขึ้นมาในห้วงความรู้สึก และเป็นที่น่ายินดีว่า เขาได้เขียนให้เธอด้วย และหวังว่ามันจะค้างตกไว้ในใจเธอบ้าง แม้สักวลี
เป็นยามบ่ายที่พู่กันและนักเย็บสมุดต่างระบายฝันของกันลงบนบทสนทนา เขายินดีเหลือล้นที่ได้ขโมยเวลาของเธอที่จะเยี่ยมชมทัศนาสิ่งอื่นใด เขาได้ละโมบโฉบเอาความสุขของช่วงเวลาไว้เสีย และทึกทักเอาเองว่าเธอก็คงพึงพอใจที่เป็นแบบนั้น
ลมบางๆ ร่อนมาบางเบา พู่กันออกเดินทางไปตามทางฝันของเธอ ทิ้งความทรงจำไว้ในร้านสมุด ชีวิตชีวาที่เคยโรยราไปกลับสดใสขึ้นมาอีกครั้ง และร้านสมุดที่อื่นจะเป็นเช่นใดก็ได้ แต่ร้านสมุดแห่งนี้จะเป็นร้านแห่งการสนทนา มวลมิตรสหาย และพลังใจให้กันเสมอ จนกว่าจะถึงกาลพรากจาก…
โน้ต