เชื่อว่าหลายๆ คนเป็นแบบผม เป็นคนชอบอ่านหนังสือ เริ่มจากอ่านอะไรที่มันง่ายๆ ก่อน พวกนิทาน หรือวรรณกรรมเยาวชน เรื่องเล่า จนไปถึงเรื่องสั้น บทความที่เริ่มหนักขึ้น นิยายที่ซับซ้อนน่าติดตาม วรรณกรรมแปลจากต่างประเทศ จากนั้นก็จะชอบเขียน ชอบเขียนอะไรเรื่อยเปื่อย มีสมุดบันทึกข้างกายเสมอ และก็ค่อนข้างหวงไม่อยากให้ใครเปิดอ่าน แม้จะไม่มีความลับอะไรเลยก็ตาม
มีหลายๆ คนถามผมว่า หนังสือเล่มไหนที่ผมชอบที่สุด คำตอบต่างกันไปตามช่วงวัยและความนิยมชมชอบในขณะนั้นๆ ผมชอบ “ช่อประยงคุ์” ของอุษณา เพลิงธรรม ภาษาที่งดงามและเรื่องราวแสนละเมียดละไม ผมชอบ “ปรัชญาชีวิต” ของคาลิล ยิบราน และอัลมุสตาฟา ตัวละครของเขา ผู้พาผมเดินทางไปยังเมืองออฟาร์ลีส พร้อมถ้อยคำแสนคมคายที่อ่านกี่รอบก็มีอะไรใหม่ๆ เสมอ และแน่นอนว่าสำนวนการแปลของ ศ.ระวี ภาวิไล นั้นช่างสวยงามราวกับมีดอกไม้มาเบ่งบานอยู่ในดวงตา
ผมยังชอบเลนนี่ สมอล์ ใน “เพื่อนยาก” ของจอห์น สไตเบ็ค และการเดินทางของ “เฒ่าผจญทะเล” ด้วยฝีมือการประพันธ์ของเออเนส เฮมมิ่งเวย์ และใครจะไม่หลงรักหนุ่มน้อยเด็กเลี้ยงแกะของเปาโล คูเอลโญ ผู้ต้องการเดินทางไปปิรามิดที่อียิปต์ ในนิยายชื่อดัง “ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน”
แล้วเมื่อผมได้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้แก่ผู้คน ผมก็ได้ค้นพบว่า ผมชอบอ่านเรื่องราวของการเดินทาง ทุกเรื่องที่ผมชอบมีการเดินทางเสมอ การเดินทางทางกายซึ่งได้มอบความสนุกในการอ่าน การเดินทางทางใจซึ่งได้มอบความอิ่มเอม และเป็นแรงผลักดันเสมอให้ออกเดินทางอีกครั้ง
และผมกำลังเขียนเรื่องราวการเดินทางของตัวเองเช่นกัน การเดินทางจากเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่มีฝันไม่ใหญ่ ฝันที่จะมีร้านสมุดเล็กๆ และเมื่อวันที่ฝันนั้นเป็นจริง กลับไม่รู้ว่าควรตั้งชื่อมันว่าอะไรดี แต่ที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่า ชื่อที่พ่อและแม่ตั้งให้นั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว
เมื่อชื่อ ‘โน้ต’ ขาย ‘โน้ตบุ๊ค’ งั้นก็ ‘โน้ตอะบุ๊ค’ ละกันนะ จำแค่ชื่อแบรนด์ คุณก็จำชื่อผมได้ จำชื่อร้านได้ และจำได้ว่าผมขายอะไร มันจะลงตัวอะไรขนาดนั้น!
เพราะอ่านฉันจึงเดินทาง
เพราะเดินทางฉันจึงสัมผัส
เพราะสัมผัสฉันจึงเขียน
.
และเพราะคุณยังเขียน ฉันจึงยังอยู่
.
Note a Book
Chiangmai
2019 April,5